ยังพอใจไม่พอใจกับสภาวะที่เกิด ระหว่างวันรู้ร่างกายเคลื่อนไหว เห็นความหงุดหงิด กังวลกับสิ่งที่มากระทบ ไม่แน่ใจว่าแยกขันธ์ได้ไหม

คำถาม: ทำในรูปแบบทุกวัน รู้ร่างกายหายใจ ตรงจมูกบ้าง ท้อ …

Read more

ชีวิตติดกับความหดหู่ ​เพราะแมวที่เลี้ยงไว้ป่วย จิตคอยสงสารสัตว์​ไปทั่ว​ กลัวความเจ็บป่วยพลัดพราก กลัวภาระ

คำถาม: ชีวิตติดกับความหดหู่ ​เพราะแมวที่เลี้ยงไว้ป่วย จ …

Read more

ทำงานที่ต้องอยู่กับคน​ ​ระหว่างวันพยายามบริกรรม​ รู้กายเคลื่อนไหวเวลาไม่ได้อยู่หน้างาน​ แต่ยังหลงบ่อย​

คำถาม: ทำงานที่ต้องอยู่กับคน​ รับฟังเรื่องราวต่างๆ​ แก้ …

Read more

มีปัญหาสุขภาพ จิตไม่เป็นกลาง มีโทสะเป็นพื้น บางครั้งก็เกิดความเครียดเป็นระยะๆ

คำถาม: ช่วงนี้มีปัญหาสุขภาพ จิตไม่เป็นกลาง จิตดิ้นรนบัง …

Read more

ระหว่างวันยังมีลืมการปฏิบัตินาน และเรื่องทางโลกยังดึงดูดไปง่าย ที่ผ่านมาพลาดตรงไหนถึงไม่พัฒนาเท่าที่ควร

คำถาม: เริ่มเข้าใจมากขึ้นที่ว่า ต้องพยายามฝึกจิต ให้เคย …

Read more

รู้สึกว่ากิเลสเบาบางลง สิ้นสงสัยในพระรัตนตรัยแล้ว ผมติดวิปัสสนูปกิเลสไหม

คำถาม: ผมเปลี่ยนวิหารธรรมเป็นรู้ทันจิตที่คิด เพราะทำงาน …

Read more

เป็นคนรักกายมาก แต่ดูกายแล้วไม่มีความสุข ใจมันเฉย ไม่สดชื่น พอมาดูจิต ใจตื่นเบิกบาน

มีปัญญาแก่กล้า ดูกายแล้วจืดๆ เฉยๆ ถ้าดูจิตมันโลดโผน ทำงานสารพัด ดูจิตก็ได้ แต่ไม่ทิ้งสมาธิ ถ้าทิ้งสมาธิแล้วจะดูจิตไม่ได้จริง จิตมันจะไปว่างๆ อยู่ข้างนอก ฉะนั้นเราก็อยู่กับกรรมฐานของเราไป หายใจไป พุทโธไป จิตฟุ้งซ่านก็รู้ จิตสงบก็รู้ จิตหนีไปก็รู้ ถ้าจิตไม่มีที่อยู่ มันหนีไปเราไม่รู้หรอกว่ามันหนี แต่ถ้าจิตมันมีฐานที่มั่นอยู่ พอมันหลุดออกจากที่มั่นของมัน เราจะรู้ว่ามันเคลื่อนไปแล้ว เพราะฉะนั้นการที่เรามีวิหารธรรมเป็นเรื่องจำเป็น ถ้าไม่จำเป็นพระพุทธเจ้าไม่สอนหรอก ในสติปัฏฐาน 4 ตัวแรกเลยที่ท่านสอนคือการมีวิหารธรรม ให้ใช้กายในกายเป็นวิหารธรรม เวทนาในเวทนาเป็นวิหารธรรม เริ่มต้นก็คือต้องมีวิหารธรรมก่อน

ภาวนาโดยดูร่างกายที่หายใจและใจที่หลงคิด รู้สึกยังไม่ค่อยพัฒนา

ภาวนาที่ปฏิบัติมีสติ มีสมาธิ ลงมือปฏิบัติอะไรนั้นก็ดีทั้งสิ้น ค่อยๆ สะสมไป แต่ว่าเราอย่าโลภ ภาวนาถือว่าเราปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า ไม่ได้หวังผลว่าจะต้องได้อันนั้น จะต้องได้อันนี้ จะต้องได้เมื่อนั้นเมื่อนี้ภาวนาแบบไม่หวังผล ถึงเวลาสงบ ถึงเวลาควรสงบก็ทำความสงบ ถึงเวลาควรเจริญปัญญาดูความจริงของกายของใจ ก็เจริญปัญญาไป ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อะไรเมื่อไร

ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ แต่2-3 เดือนนี้ฟุ้งซ่านเยอะ และถูกอารมณ์ครอบงำง่าย

เราอยู่กับปัจจุบันจริงๆ ร่างกายเรานั่งอยู่นี่ ไม่เห็นจะถูกใครทำร้าย ร่างกายหายใจอยู่นี่ ก็ไม่มีใครมาทำร้าย จิตใจก็ไม่เห็นจะต้องทุกข์ร้อนอะไร มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เพราะมีความสุขอยู่ในปัจจุบัน พอเราไปเสพข่าวมากๆ ใจเราเศร้าหมอง ถ้าเสพข่าว 3 เดือนก็เศร้าหมอง 3 เดือน ฉะนั้นเสพเท่าที่จำเป็น ดูข่าวเท่าที่จำเป็น ข่าวลือข่าวอะไรก็อย่าไปสนใจมัน เอาข่าวที่มันเป็นทางการจริงๆ ที่ภาวนาอยู่ใช้ได้ ภาวนาอยู่ดี ขันธ์มันแยกได้ชัดเจนดี เราอย่าไปยุ่งกับโลก เราคอยดูของเราไป ฉวยโอกาสตอนนี้ยุ่งกับคนอื่นน้อยๆ ดูตัวเองเยอะๆ

Page 7 of 13
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13