มีสติรักษาจิต
ถ้าเรามีสติรักษาจิตอยู่ อกุศลที่มีอยู่มันจะดับ อกุศลใหม่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ในขณะที่มีสติจิตมันจะเป็นกุศลอัตโนมัติ ทีนี้พอเรามีสติเนืองๆ กุศลมันก็เจริญงอกงามขึ้นมาเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา เป็นวิมุตติ
หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช ธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์
ถ้าเรามีสติรักษาจิตอยู่ อกุศลที่มีอยู่มันจะดับ อกุศลใหม่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ในขณะที่มีสติจิตมันจะเป็นกุศลอัตโนมัติ ทีนี้พอเรามีสติเนืองๆ กุศลมันก็เจริญงอกงามขึ้นมาเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา เป็นวิมุตติ
การหาคำตอบว่าทำอย่างไรจะไม่ทุกข์ คนทั้งหลายสัตว์ทั้งหลายก็แสวงหา บางคนก็มองแค่ว่ามีกินมีใช้อะไร ก็ไม่เจ็บป่วยก็ไม่ทุกข์ พอเราได้รับความมั่นคงระดับพื้นฐานแล้ว มีกินมีใช้ มีที่อยู่อาศัย บางคนก็ยังทุกข์อีก ที่จริงก็คือทุกคนก็ยังทุกข์อยู่อีก มีแต่คำสอนของพระพุทธเจ้าที่จะตอบโจทย์ให้ทุกคนสามารถจะมีชีวิตอยู่โดยไม่ทุกข์ได้
จิตของครูบาอาจารย์ เหมือนสถานีวิทยุ มันแผ่กระแสธรรม แผ่กระแสเมตตาออกไปครอบโลก ครอบจักรวาลอยู่แล้ว อยู่ที่ใครจะรับได้ ถ้ายังมีบุญอยู่ก็รับได้ หรือมีการปฏิบัติที่ดี มันก็รับได้ คล้ายๆ เครื่องรับมันดี อยู่กับครูบาอาจารย์ แต่เครื่องรับมันไม่ดี เครื่องรับมันบอด มันก็รับไม่ได้ มาเกาะชายจีวรอยู่ก็รับธรรมะไม่ได้
มีธรรมะอยู่คู่หนึ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ คือเรื่องจิตกับอารมณ์เป็นของคู่กัน จิตเป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์ อารมณ์เป็นสิ่งที่ถูกจิตรู้ อารมณ์ที่เราจะใช้ในการปฏิบัติก็คือพวกรูปธรรมกับนามธรรม ส่วนอารมณ์บัญญัติคือเรื่องราวที่คิด ใช้อะไรไม่ได้ มันฟุ้งซ่าน
หลวงพ่อสอนมาตลอดตั้งแต่อยู่สวนโพธิ์ บอกไม่เผลอกับไม่เพ่ง ฟังแล้วดูตลก กรรมฐานอะไรบอกไม่เผลอกับไม่เพ่ง ที่จริงมันคือการปรับพื้นฐานของสมาธินั่นเอง สมาธิไม่มี ใจฟุ้งซ่าน เผลอไป สมาธิไม่ถูกต้อง เพ่งเอาไว้เคร่งเครียด ตรงที่ใจฟุ้งซ่านนั้นเราไม่สามารถรู้กายรู้ใจได้ ตรงที่เราเพ่งไว้เคร่งเครียด เรารู้กาย เรารู้ใจได้ แต่เราไม่สามารถจะเห็นความจริงของกายของใจได้
เราเห็นทุกข์เห็นโทษ เห็นความน่าเบื่อหน่าย อยากหนี แต่หนีไม่ได้ จะหนีอะไร จะหนีจากกาย จะหนีจากใจ มันหนีได้ที่ไหน พอหนีไม่ได้ เราพยายามดูต่อไป อดทนเอา
ตรงนี้หลายคนก็ผ่านไม่ไหว เห็นมันเบื่อเลยเลิกปฏิบัติไปเลย เห็นแต่ทุกข์เห็นแต่โทษ ทำไมชีวิตไม่รื่นเริงเหมือนชาวบ้านเขาบ้าง อดทนไว้ อย่าถอย มันเป็นทางผ่าน มันเป็นด่าน เป็นกับดักอันใหญ่ที่จะดักเราไม่ให้ก้าวต่อไป ให้เราท้อแท้ถอดใจเสีย
สิ่งที่เรียกว่าสภาวธรรมก็คือรูปธรรมกับนามธรรมเท่านั้น มี 2 อย่างรูปธรรม นามธรรม สภาวธรรมมีอีกอย่างหนึ่ง คือนิพพาน ปุถุชนไม่เห็น ฉะนั้นยังไม่ต้องสนใจ สิ่งที่ต้องการเห็นจริงๆ คือไตรลักษณ์ของรูปธรรม นามธรรม
บางคนกังวลว่า ไม่ได้เจอหลวงพ่อแล้วจะไม่ได้ปฏิบัติ ไม่จริงหรอก เพราะว่าจริงๆ ธรรมะอยู่ที่ตัวเราเอง ถ้าหากเราเป็นนักปฏิบัติจริงๆ เราจะไม่รู้สึกว่าเราอยู่ไกลครูบาอาจารย์ แต่เราจะรู้สึกว่าครูบาอาจารย์อยู่กับเราทั้งวันเลย
จิตนี้อยู่ในร่างกายแต่ไม่ได้อยู่ตรงส่วนไหนของร่างกาย นี่คือความประหลาดของมัน จิตมันอยู่ไม่เกินกายนี้หรอก ไม่อยู่บนต้นไม้ ไม่อยู่ในท้องนา ไม่อยู่ที่ภูเขาหรอก จิตอยู่ในกาย แต่ไม่ได้อยู่ตรงส่วนไหนในกาย จิตเป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์
ส่วนใหญ่ฆ่าตัวตายก็ต้องรับกรรม ตกนรกไป บางทีมีชีวิตอยู่มีความทุกข์ ก็ไปฆ่าตัวตาย ฆ่าตัวตายเสร็จแล้วมันก็เดินร้องไห้ไปเรื่อยๆ มันตกนรกแล้วล่ะ แต่นรกนั้นมันไม่ได้ถูกใครขัง นรกมันอยู่ที่จิตของตัวเอง สร้างภพตายซ้ำตายซากอยู่อย่างนั้น วนๆๆ แล้วฆ่าตัวตายซ้ำๆๆๆ ไปเรื่อยๆ ฉะนั้นมันไม่มีข้อดีให้กับใครหรอก