คำถาม:
โยมทำอานาปานสติเป็นหลัก ยึดศีล 5 ในการดำรงชีวิตประจำวัน ทำตามรูปแบบเกือบทุกวัน เน้นดูจิตเป็นหลักสลับกับดูกายในระหว่างวัน 2 เดือนที่ผ่านมา มีความย่อหย่อน เหตุจากตะลุมบอนกับปัญหาชีวิตที่ส่งผลสุขภาพ ภาพรวมการปฏิบัติช่วงนี้ มีโทสะกิเลสครอบงำจิตบ่อยครั้งมาก ขาดสติ เห็นหลงคิดบ่อย และควบคุมไม่ได้ มีสติน้อยลง ขอคำแนะนำจากหลวงพ่อเพื่อให้มีสติได้ทันท่วงที และมีสมาธิที่ถูกต้องด้วยค่ะ
หลวงพ่อ:
ที่หลวงพ่อพูดวันนี้ก็คือเรื่องพวกนี้ล่ะ พวกเราตอนนี้มันเต็มไปด้วยโทสะ เป็นทุกคนเลย เกือบทุกคนเลย ฉะนั้นเราบริโภคข่าวเท่าที่จำเป็น แต่ถ้าจำเป็นเพื่อจะต้องทำมาหากินอะไรก็จำเป็นต้องบริโภค แต่ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับการทำมาหากินอะไร บริโภคข่าวให้น้อยๆ เอาข่าวที่เป็นทางการจริงๆ เป็นวิชาการจริงๆ จากคนที่เกี่ยวข้องจริงๆ บริโภคข่าวมากไปจิตใจวุ่นวาย โทสะขึ้นแน่นอน อันนี้ไม่มีทางแก้หรอก ฉะนั้นพยายามรักษาตัว นี่เป็นช่วงความยากลำบากของทุกคน ไม่เฉพาะเรา ตอนนี้ใครๆ ก็ยากลำบากด้วยกัน ฉะนั้นเราอย่างน้อย เราไม่ไปเพิ่มความวุ่นวายให้คนอื่น ด้วยการออกความเห็นอย่างโน้นอย่างนี้
แล้วเราก็พยายามฝึกจิตใจตัวเองไว้ เจริญเมตตาให้มากไว้นะช่วงนี้ เป็นกรรมฐานที่เหมาะกับสถานการณ์ คือการเจริญเมตตา นึกในใจไปเรื่อย “สัตว์ทั้งหลาย จงเป็นสุขๆ เถิด” นึกไปเรื่อยๆ บริกรรมไป พอใจเราสงบ ใจเราร่มเย็น ใจเราไม่ถูกเร้าด้วยข้อมูลไม่ดี ใจมันก็จะสงบลงมา เราก็จะสามารถดูกายดูใจได้ คราวนี้ถ้าเราฝึกของเราดีแล้ว เราจะอยู่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ สมมติว่าคนในบ้านเราติดโควิดหมดเลย หรือเราติดโควิดเอง นอนอยู่โรงพยาบาลสนาม หรือนอนอยู่ที่ไหนก็ตาม เราก็เจริญสติของเราได้ ร่างกายอาจจะทุกข์ แต่ใจมันจะไม่ทุกข์ เราสามารถทำได้ อยู่ที่เราฝึกเอา ฉะนั้นช่วงนี้เจริญเมตตาให้เยอะๆ ไว้ ถ้าใจเราไม่มีสมาธิพอ มันภาวนาไม่ได้จริง ช่วงนี้ต้องอดทน
มองอีกแง่หนึ่งก็น่าจะภูมิใจ สถานการณ์อย่างที่เราเจอตอนนี้ 100 ปีมีครั้งหนึ่ง เราได้เจอแล้วเท่ชะมัดเลย เมื่อปี พ.ศ.2462 มีไข้หวัดสเปนระบาด คนก็ตายทั่วโลกเลยเยอะแยะหลายสิบล้าน ตายกันเยอะแยะ ในเมืองไทยมีพลเมืองไม่มาก มีไม่ถึง 7 ล้านคน ตายไป 8 หมื่นคน ติดโรคไป 2.8 ล้านคน ตายไป 8 หมื่นคน ฉะนั้นสถานการณ์อย่างนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ของโลก มันมีอยู่เรื่อยๆ เราได้พบได้เห็น เรามีสติมีปัญญาตั้งมั่นอยู่ มันเห็นโลกนี้ทุกข์ โลกนี้ไม่เห็นดีตรงไหนเลย
ถ้าภาวนา อย่างหลวงพ่อมองไป ในชีวิตเราที่ผ่านมาตรงไหนที่เรียกว่าสุข หาไม่ได้ ตรงไหนที่เรียกว่ามีความสุข เรารู้สึกไหมชีวิตเรามีปัญหาอยู่ทุกวัน เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเรื่องโน้น เดี๋ยวเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องของเราก็เรื่องของญาติพี่น้อง ครอบครัวเราอะไรอย่างนี้ ไม่เรื่องสุขภาพ ก็เรื่องหน้าที่การงาน เรื่องการทำมาหากิน หรือเรื่องความวุ่นวาย บางยุคก็อันธพาลเต็มบ้านเต็มเมืองเลย บางยุคก็เฟคนิวส์เต็มบ้านเต็มเมืองอะไรอย่างนี้ อย่างตอนนี้เต็มไปหมด
ฉะนั้นจริงๆ โลกนี้ไม่เคยสงบสุขเลย ถ้าเราตั้งหลักได้ เราจะเห็นโลกนี้ไม่น่ารักหรอก โลกนี้ไม่น่าปรารถนา ไม่มีหรอกโลกที่สงบสันติ สงบสันติหรือเปล่าอยู่ที่ใจเรา ใจคนอื่นเขาไม่ได้ฝึก เขาก็เร่าร้อน เขาก็วุ่นวาย เขาก็ก่อปัญหา เราจะให้ทุกคนไม่ก่อปัญหา เป็นความไร้เดียงสาอย่างยิ่งเลย มันเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นเราก็ต้องอยู่กับโลกไปอย่างนี้ เราก็จะเห็นความจริงว่าโลกนี้มีแต่ความทุกข์ โลกนี้มีแต่ความวุ่นวาย โลกมีแต่ความไม่สงบ เราเห็นอย่างนี้เราก็อยู่กับมันไป มันวุ่นวายเราไม่วุ่นวาย มันทุกข์เราไม่ทุกข์ ฝึกไปเรื่อยๆ มันชั่วร้ายเต็มบ้านเต็มเมือง ห้ามมันไม่ได้หรอก
พยายามฝึกตัวเองเข้า เราจะอยู่กับโลกอย่างรู้เท่าทันมัน ไม่ทุกข์ไปกับมัน ฝึกเสีย ตั้งใจ เป็นเวลาที่ดีในเวลานี้ เวลาที่ทุกข์เป็นเวลาที่ดีสำหรับการปฏิบัติ เวลาที่มีแต่ความสุขมันเป็นเวลาที่เผลอเพลินง่าย เป็นเวลาที่ทำให้เราประมาท อย่างขณะนี้เราจะต้องเจริญสติมากเลย จะหยิบจะจับอะไรต้องมีสติตลอด จะมาจับหน้าตัวเองก็ต้องมีสติ ทำอะไรก็ต้องมีสติ โควิดนี้มีคุณประโยชน์มาก ทำให้เราต้องฝึกสติอย่างเข้มงวด ลองมองมันในแง่น่ารักบ้าง มันไม่ได้เลวตลอดหรอก.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
24 กรกฎาคม 2564