เข้าใจธรรมดาของโลก

ภาวนาทุกวันๆ จนกระทั่งเข้าใจคำว่า ธรรมดา จนเห็นกายเห็นใจมันเป็นธรรมดาอย่างนี้ ถ้าเราเห็นกาย เห็นใจมันมีธรรมดา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาแล้ว ไม่ว่าสถานการณ์อะไรเกิดขึ้น ใจมันไม่ทุกข์หรอก ฉะนั้นที่เราฝึกกันแทบเป็นแทบตาย ไม่ได้ฝึกเพื่อเอาดี เอาสุข เอาสงบอะไรหรอก ฝึกจนจิตมันเข้าใจ มันยอมรับความจริงได้ว่าธรรมดามันเป็นอย่างไร

ฝึกจิตให้คุ้นชินกับการภาวนา

ฝึกภาวนาให้มันชำนาญ ให้มันชินกับการปฏิบัติไว้ คนที่เขาภาวนาดีๆ ภาวนาง่ายๆ อะไรอย่างนี้ ก่อนที่เขาจะมาถึงจุดที่ภาวนาง่ายๆ ภาวนาได้ดี เขาก็ล้มลุกคลุกคลานมาแล้วทั้งนั้น นับภพนับชาติไม่ถ้วน อาศัยการสะสม คุ้นชินที่จะรักษาศีล ที่จะฝึกจิตฝึกใจให้สงบ ให้ตั้งมั่น ไม่หลงกับโลก คุ้นชินที่จะเจริญปัญญา ถ้าจิตมันเคยชินที่ฝึกมาแบบนี้ในอดีต ปัจจุบันก็ภาวนาง่าย ถ้าจิตคุ้นชินกับความไม่มีสติ คุ้นชินที่จะผิดศีล คุ้นชินที่จะฟุ้งซ่าน คุ้นชินที่จะหลงโลก มันก็ภาวนายาก

เข้าใจจิตก็เข้าใจโลก

เข้าใจจิตใจตัวเองก็จะเข้าใจชีวิตของตัวเอง เข้าใจสิ่งที่แวดล้อมชีวิตของเราอยู่ ครอบครัวเราอย่างนี้แวดล้อมเราอยู่ ที่ทำงานเรา เพื่อนร่วมงานเราแวดล้อมเราอยู่อีกชั้นหนึ่ง สังคมข้างนอกก็แวดล้อมเราอยู่อีกชั้นหนึ่ง สังคมระหว่างประเทศก็แวดล้อมเราอยู่อีกชั้นหนึ่ง ถ้าชั้นในสุดก็คือที่จิตของเราเอง เขยิบกว้างออกมาก็มีที่กายด้วย ที่จิตด้วย กว้างกว่านั้นก็เป็นครอบครัว เป็นสังคม เป็นชั้นๆ ไป เรียนจากแกนกลางของมัน เรียนรู้อยู่ที่จิตได้ง่ายที่สุดเลย ถ้าเมื่อไรเห็นว่าจิตไม่ใช่ตัวเรา โลกทั้งโลกมันก็ไม่เป็นตัวเราหรอก

หลักต้องแม่น ศิลปะต้องมี

หลักของการปฏิบัตินั้น พระพุทธเจ้าสอนแต่ละคนมีหลักของการปฏิบัติ หลักของสติปัฏฐาน ของสมถะ ของวิปัสสนา สอนเรื่องไตรลักษณ์ เรื่องขันธ์ 5 อายตนะ 6 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 ปฏิจจสมุปบาท 24 อะไรอย่างนี้ แต่ตอนที่ลงมือปฏิบัติมันมีศิลปะ ศิลปะว่าตอนนี้ควรจะทำสมถะ หรือควรจะทำวิปัสสนา ถ้าจะทำสมถะ สมถะชนิดไหนเหมาะกับเรา ชนิดไหนไม่เหมาะ จะทำวิปัสสนาจะใช้กรรมฐานอะไร แล้วจะมองในมุมของอนิจจัง หรือทุกขัง หรืออนัตตา มันเป็นศิลปะเฉพาะตัวที่เราสังเกตตัวเอง

จิตเคลื่อนแล้วรู้

การที่จิตเคลื่อนแล้วรู้ๆ อันแรกเราได้สติ เคลื่อนปุ๊บรู้ปั๊บๆ รู้เร็วขึ้นๆ จิตเคลื่อนแล้วรู้อย่างนี้ จิตก็ไม่ถูกกิเลสครอบงำ เราจะมีศีลอัตโนมัติเกิดขึ้น เรียกเป็นอินทรียสังวรศีล เป็นศีลสูง ศีลสูงกว่าศีลที่เราตั้งใจถือเป็นข้อๆ นอกจากจะได้สติ ได้ศีลแล้ว ตรงที่เราเคลื่อนแล้วเรารู้ ขณะที่รู้การเคลื่อนจะดับ จิตจะไม่เคลื่อน จิตจะตั้งมั่นขึ้นโดยอัตโนมัติ ตัวนั้นคือตัวสมาธิ คือสมาธิที่ดี เป็นสัมมาสมาธิ จิตตั้งมั่น

สิ่งที่ควรทำคือความดี

ทานมีโอกาสทำก็ทำ ศีลต้องรักษา สมาธิต้องฝึกทั้งความสงบ ทั้งการเจริญปัญญา ถ้าเราทำอย่างนี้ได้เท่ากับเราได้ใช้ชีวิตของเรา ใช้ร่างกายของเรา ทำประโยชน์สูงสุดให้ตัวเองแล้ว การสงเคราะห์ช่วยเหลือคนอื่นก็เป็นประโยชน์รองลงไปแล้ว แต่ประโยชน์ที่สำคัญเลยคือพัฒนาตัวเองได้ นำตัวเองไปสู่ความรู้ถูก ความเข้าใจถูก พ้นทุกข์ได้

วัดใจตัวเอง

ถ้าเราภาวนาถูกต้อง อกุศลที่มีอยู่มันจะดับ อกุศลใหม่มันจะไม่เกิด หรือว่าเกิดได้เบาบางลง กุศลที่ยังไม่มีก็เกิดมีขึ้น กุศลที่มีแล้วก็เจริญขึ้น พัฒนาเข้มแข็งมากขึ้น ถ้าวัดด้วยวิธีนี้แล้ว มันจะชี้ได้เลยว่าที่ปฏิบัติอยู่ถูกหรือผิด วัดได้ด้วยตัวเอง สังเกตใจตัวเอง อย่าเข้าข้างตัวเอง เวลาเราจะวัดกิเลสตัวเอง ต้องวัดในสภาวะที่จิตอยู่ในสภาวะปกติ อย่าไปทรงสมาธิอยู่ ไปทรงสมาธิอยู่ แล้วจะให้วัด ไม่มีอะไรให้วัดเลย ต้องเป็นจิตที่ปกติ

ฉลาดรู้กรรมฐานที่ควรกับตัวเอง

ต้องฉลาดในการรู้ว่าเราควรกับกรรมฐานอะไร แล้วพอเราทำกรรมฐานเราก็ต้องรู้อีกแล้ว ตอนไหนควรทำสมถะ ตอนไหนควรทำวิปัสสนา ก็ต้องรู้ เจริญปัญญาจนจิตฟุ้งซ่านแล้ว ก็ต้องมีปัญญารู้ว่า ตอนนี้ควรทำสมถะ ทำสมถะอยู่นานสงบ สบาย แล้วเพลินๆ ต้องมีปัญญารู้ตอนนี้ควรเจริญวิปัสสนาแล้ว ที่ว่าเจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง ทั้งสมถะและวิปัสสนามันเป็นอย่างนี้

ติดชั่วก็ทุกข์ ติดดีก็ทุกข์

ท่านพุทธทาสท่านเคยสอน ท่านบอกชั่วกับดีอัปรีย์พอกัน อัปรีย์หมายถึงไม่น่ารัก ติดในความชั่วอันนี้เลวสุด ติดในความดีก็ทุกข์เหมือนกัน ฉะนั้นทำอย่างไรเราจะไม่ทำชั่ว เราทำความดีแต่ไม่ติด จิตมันชั่ว มีสติรู้ทันแล้วก็อย่าทำ จิตมันปรุงดีขึ้นมา มีสติรู้ทัน เราก็ทำ แต่ว่าอย่าไปติดมัน พวกติดดีก็น่าสงสาร แต่พวกติดดีก็ดีกว่าติดชั่ว แต่ไม่ติดอะไรเลยดีที่สุด

แนวรุกแนวรับในการภาวนา

การภาวนา ไม่ทำสมถะก็ทำวิปัสสนา มีศิลปะประจำตัว รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา จิตเราเหนื่อยเกินไปก็ไม่ตะบี้ตะบัน ไปนั่งจะให้สงบ มันไม่สงบ หาอะไรที่ผ่อนคลายให้มันเสียหน่อยหนึ่ง ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ จะมาทำกรรมฐานต่อก็เหนื่อยกาย เหนื่อยใจหนักเข้าไปอีก เวลานี้ควรทำให้จิตใจผ่อนคลายก็ทำ เวลานี้ควรทำสมถะก็ทำ เวลานี้ควรเจริญปัญญาก็เจริญปัญญา รู้จักแนวรุกแนวรับของเรา

Page 31 of 47
1 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 47